คำถามที่มักถูกถาม
เป็นประจำ

สามารถซื้อผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ RIIFOได้จากร้านค้าขายปลีกและขายส่ง หรือคุณสามารถติดต่อบริษัทฯ RIIFO ใกล้บ้านท่าน

แบรนด์ RIIFO ให้การรับประกันสูงสุดถึง 25 ปี สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดอ่านนโยบายการรับประกันฉบับเต็มด้านล่าง

สามารถซื้อผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ RIIFOได้จากร้านค้าขายปลีกและขายส่ง หรือคุณสามารถติดต่อบริษัทฯ RIIFO ใกล้บ้านท่าน

PP คือ Polypropylene Random Copolymer เป็นเทอร์โมพลาสติกที่ประกอบด้วยโซ่คาร์บอนและไฮโดรเจน R หมายถึง การผสมผสานแบบสุ่มของโซ่ไฮโดรคาร์บอนที่ยาวและสั้น ซึ่งให้ทั้งความแข็งแรง และความยืดหยุ่นส่งผลให้วัสดุ ที่มีคุณสมบัติโครงสร้าง ที่แข็งแรง ที่สามารถดูดซับผลกระทบ และเบี่ยงเบนความสนใจ ท่อและข้อต่อ PPR ใช้กับงานประปาด้านเครื่องกลและอุตสาหกรรมทั่วโลก ท่อที่ทำจาก PPR มีน้ำหนักเบา ไม่กัดกร่อน ไม่เป็นสนิม ไม่เป็นตะกรัน ปราศจากการรั่วซึม เชื่อมต่อด้วยความร้อน

อัตราส่วนขนาดมาตรฐาน (SDR) เป็นวิธีการประเมินความทนทานของแรงกดท่อ อัตราส่วนขนาดมาตรฐานอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างขนาดท่อและความหนาของผนังท่อ

การขยายตัวทางความร้อนสำหรับท่อ PPR แบรนด์ RIIFO มีค่าประมาณ 0.16 (mm/mK)

ที่จัดจำหน่ายมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางภายนอกอยู่ที่ 20, 25, 32, 40, 50, 63, 75, 90, 110, 160

ท่อ PPR แบรนด์ RIIFO ผ่านการทดสอบจาก NSF/KTW ซึ่งที่ไม่เป็นพิษ ไม่มีกลิ่น ไม่เป็นอันตราย และไม่ก่อให้เกิดแบคทีเรีย

การใช้งานของท่อแบ่งตามสีเส้นบนท่อ สีแดง คือ ท่อน้ำร้อน และ สีฟ้า คือ ท่อน้ำเย็น

ตามคุณสมบัติของ Polypropylene Random Copolymer และวิธีการเชื่อมด้วยวิธีการให้ความร้อน ท่อ PPR แบรนด์ RIIFO ใช้ความร้อนเพื่อทำให้ข้อต่อและท่อหลอมเหลว จากนั้นใช้วิธีการสอดท่อเข้าไปในข้อต่อ

ท่อ Multilayer ของแบรนด์ RIIFO หรือ PAP เป็นท่อ Multilayer คุณภาพสูงใช้ในงานน้ำดื่มและงานติดตั้งเครื่องทำความร้อน ประกอบด้วยชั้นในและชั้นนอกที่เป็นโพลีเอทิลีนแบบ Cross-linked และชั้นกลางที่เป็นอะลูมิเนียม ทุกชั้นถูกเชื่อมเข้าด้วยกัน โดยมีชั้นกาวเป็นชั้นผสานพลาสติกและอะลูมิเนียมเข้าด้วยกัน เทคนิคการเชื่อมแบบพิเศษรับประกันความปลอดภัยสูงสุด ท่อ Multilayer แบรนด์ RIIFO นำข้อดีของท่อพลาสติกและโลหะเข้าด้วยกัน ชั้นในและชั้นนอกของโพลีเอทิลีนที่เชื่อมโยงกัน ให้ความยืดหยุ่นและความเบา ความราบเรียบของชั้นโพลีเอทิลีนช่วยลดการส่งเสียงรบกวนการไหล และป้องกันการกัดกร่อน ชั้นอะลูมิเนียมช่วยให้มั่นใจได้ว่าท่อมีความเสถียร และป้องกันการซึมผ่านของออกซิเจนเข้ามาในท่อ นอกจากนี้ยังมีความความแข็งแรงและทนต่อการขยายตัวทางความร้อนของท่ออีกด้วย ด้วยการเชื่อมกันระหว่างชั้นโพลีเอทิลีนและชั้นอลูมิเนียม การขยายตัวเชิงเส้นของท่อจะถูกจำกัดโดยชั้นอะลูมิเนียม ท่อ Multilayer แบรนด์ RIIFO มีความยืดหยุ่นและความทนทานในระดับสูง ผสมผสานกับความต้านทานแรงดันและอุณหภูมิที่สูง

ท่อ Multilayer แบรนด์ RIIFO สามารถเชื่อมต่อได้หลากหลายและติดตั้งง่ายมาก เราแนะนำให้สอบถามผู้ปฏิบัติงานที่มีทักษะระดับมืออาชีพในการติดตั้ง

ได้ ท่อ Multilayer แบรนด์ RIIFO เหมาะสำหรับการใช้งานข้างต้น

ใช่ อย่างไรก็ตาม การทดสอบแรงดันด้วยอากาศแรงดันสูงอาจเป็นอันตรายได้หากทำงานไม่ถูกต้อง และการทดสอบด้วยอากาศจะต้องทดสอบโดยวิศวกรผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น ซึ่งจะต้องได้รับการยืนยันกับทีมงานด้านเทคนิคของ RIIFO ก่อนทำการทดสอบ

การขยายตัวทางความร้อนของท่อ PPR แบรนด์ RIIFO อยู่ที่ประมาณ 0.025 (mm/mK)

ชั้นอะลูมิเนียมมีคุณสมบัติป้องกันการซึมผ่านของออกซิเจนได้ดีเยี่ยม (การซึมผ่านของออกซิเจน <0.01 mg/m2.วัน) และความทึบ

เส้นผ่านศูนย์กลางระบุของท่อระบุไว้ไม่เกิน 32 มม. รัศมีการโค้งงอของส่วนโค้งตรงที่อยู่ตรงกลางแกนท่อจึงไม่ควรน้อยกว่า 5 เท่าของขนาดท่อ

PEX คือ cross-linked polyethylene ซึ่งเป็นโพลีเอทิลีนชนิดหนึ่งที่มีการเชื่อมโยงกัน ใช้ในอาคาร ในระบบทำความร้อนและความเย็น PEX เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ใช้แทนโพลีไวนิลคลอไรด์ (PVC), คลอรีนโพลีไวนิลคลอไรด์ (CPVC) หรือท่อทองแดง และใช้สำหรับท่อน้ำในครัวเรือน

คุณสมบัติเหมือนกัน สีแดงใช้สำหรับน้ำร้อน สีฟ้าใช้สำหรับน้ำเย็น

ใช่ ท่อ PEX ทนทานต่อจุดเยือกแข็ง ท่อ PEX จะขยายตัวได้ในระดับหนึ่งเมื่อถูกแช่แข็ง และหดตัวกลับเป็นรูปร่างเดิมเมื่อละลาย แต่ท่อ PEX ไม่สามารถป้องกันการแข็งตัวได้ และคุณควรใช้ข้อควรระวังเกี่ยวกับฉนวนมาตรฐานเพื่อป้องกันการแข็งตัว

ทั้งหมดมีคุณสมบัติเหมือนกัน แต่กระบวนการผลิตแตกต่างอย่างสิ้นเชิง PEX A ใช้วิธี Peroxide - เกี่ยวข้องกับการนำเปอร์ออกไซด์ (รูปแบบของออกซิเจน) ลงใน HDPE ก่อนที่จะขึ้นรูป HDPE เพื่อให้เกิดการ cross-linked ในระดับสูงสุด PEX B ใช้วิธี Silane - เป็นวิธีการผลิตที่ใช้กันมากที่สุด PEX C ใช้วิธีการฉายรังสี - ไม่ได้ใช้กันอย่างแพร่หลายเท่ากับสองวิธีแรก

ท่อ PEX แบรนด์ RIIFO สามารถฝังลงในดินหรือคอนกรีตได้โดยตรง เพื่อการติดตั้งที่ปลอดภัยและรวดเร็วยิ่งขึ้น เราขอแนะนำให้ใช้ท่อ PEX แบบลูกฟูก

PVC หรือที่เรียกว่าโพลีไวนิลคลอไรด์ เป็นโพลีเมอร์ที่เกิดขึ้นจากปฏิกิริยาโพลีเมอไรเซชันของไวนิลคลอไรด์โมโนเมอร์ (VCM) โดยมีเปอร์ออกไซด์ สารประกอบเอโซ และตัวเริ่มปฏิกิริยาอื่นๆ ไวนิลคลอไรด์โฮโมโพลีเมอร์และโคโพลีเมอร์ไวนิลคลอไรด์เรียกรวมกันว่าเรซินไวนิลคลอไรด์

ไม่ได้ ท่อระบายน้ำ PVC ไม่เหมาะกับการลำเลียงก๊าซแรงดันสูงและสามารถเลือกท่อชนิดอื่นๆ จาก แบรนด์ RIIFO ได้

ท่อ PVC แบรนด์ RIIFO ตรงตามมาตรฐานที่เข้มงวด และไม่อนุญาตให้เพิ่มพลาสติกไซเซอร์ในการผลิต

ความต้านทานเปลวไฟของวัสดุวัดด้วยดัชนีออกซิเจนจำกัด (LOI) ซึ่งเป็นเปอร์เซ็นต์ของออกซิเจนที่จำเป็นในการรักษาเปลวไฟในบรรยากาศโดยรอบ โดยทั่วไปเชื่อกันว่า LOI<22% เป็นวัสดุไวไฟ LOI 22%-27% เป็นวัสดุที่ติดไฟได้ และ LOI>27% เป็นวัสดุหน่วงไฟ LOI ของท่อ PVC แข็งอยู่ที่ประมาณ 45 ซึ่งเป็นวัสดุไม่ลามไฟ

PVC เหมาะสำหรับการรีไซเคิล นอกจากนี้ เนื่องจากความเป็นเทอร์โมพลาสติก PVC จึงสามารถรีไซเคิลได้หลายครั้งโดยไม่ทำให้ประสิทธิภาพลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

ท่อที่พบบ่อยที่สุดคือท่อ P หรือ ท่อ S ใต้อ่างล้างจาน หรือท่อใต้โถส้วม

ได้

IEC 61386-21.

สามารถต้านทานแรงดันไฟฟ้ากระแสสลับ 2000 โวลต์ และความต้านทานของฉนวนได้มากกว่า 100 MΩ

ท่อและข้อต่อของแบรนด์ RIIFO สามารถโค้งงอได้ในสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิต่ำ (≥-5°C) โดยใช้เครื่องมือพิเศษ

ท่อ PVC มีความคงตัวทางเคมีที่ดีและสามารถทนทานต่อแอลกอฮอล์ ไขมัน น้ำมัน และน้ำมันเบนซินได้หลายชนิด โดยปราศจากอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอน นอกจากนี้ยังสามารถต้านทานสารกัดกร่อนทั่วไป รวมถึงกรดอนินทรีย์ ด่าง และเกลือ (ทนต่อกรดไฮโดรคลอริกเข้มข้น กรดซัลฟิวริก 90% กรดไนตริก 60% และโซเดียมไฮดรอกไซด์ 20% เป็นต้น) อย่างไรก็ตาม ไม่ควรใช้ท่อ PVC ร่วมกับเอสเทอร์ คีโตน อีเทอร์ อะโรมาติกไฮโดรคาร์บอน หรือคลอรีนไฮโดรคาร์บอน นอกจากนี้ไดเมทิลฟอร์มาไมด์ ไพริดีน และเตตระไฮโดรฟูรานจะมีผลกระทบต่อท่อ PVC มากขึ้นเช่นกัน ท่อ PVC จะดูดซับสารเหล่านี้ซึ่งจะทำให้เกิดการบวมและลดความต้านทานแรงดึง

ไม่ได้ ท่อและข้อต่อ PVC ของแบรนด์ RIIFO ไม่เหมาะกับการใช้งานที่ต้องโดนแสงแดดโดยตรง พื้นผิวของท่อจะสูญเสียความมันวาวและกลายเป็นผงได้ การที่ท่อ PVC สัมผัสกับส่วนประกอบอัลตราไวโอเลตของดวงอาทิตย์จะทำให้โมเลกุลของพีวีซีบนพื้นผิวที่ถูกสัมผัสเปลี่ยนเป็นโครงสร้างที่ซับซ้อนอย่างถาวร ซึ่งแสดงโดยการก่อตัวของโพลีอีน อาจทำให้เกิดการเปลี่ยนสี ซึ่งเรียกกันทั่วไปว่า "การเปลี่ยนสีของรังสีอัลตราไวโอเลต" และ "การสลายของรังสีอัลตราไวโอเลต"